วันที่: 2010-06-16 16:19:01.0
ปุตตะกาโม ละเภ ปุตตัง ธะนะกาโม ละเภ ธะนัง
อัตถิ กาเย กายะญายะ เทวานัง ปิยะตัง สุตตะวา
๑.ชะยาสะนาคะตา พุทธา เชตะวา มารัง สะวาหะนัง
จตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา
๒.ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเก เต มุนิสสะรา
๓.สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร
๔.หะทะเย เม อนุรุทโธ สารีปุตโต จะทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะ วามะเก
๕.ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะราหุโล
กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก
๖.เกสันเต ปิฏฐิภาคัสสะมิง สุริโย วะ ปะภังกะโร
นิสินโน สิริสัมปันโน โสภิโต มุนิปุงคะโว
๗.กุมาระกัสสะโป เถโร มะเหสี จิตตะวาทะโก
โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาสิ คุณากะโร
๘.ปุณโณ อังคุลิมาโล จะ อุปาลี นันทะสีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเฏ ติละกา มะมะ
๙.เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา
เอตาสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา
ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา
๑๐.ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะสุตตะกัง
ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิาละกัง
๑๑.ขันธะโมะปะริตตัญจะ อาฎานาฏิยะสุตตะกัง
อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา
๑๒.ชินะ นา ณา วะระสังยุตตา สัตตะปาการะลังกะตา
วาตะปิตตาทิสัญชาตา พาหิรัชฌัตตุปัททะวา
๑๓.อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะ เตชะสา
วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะ ปัญชะเร
๑๔.ชินะ ปัญชะระ มัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะหีตะเล
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสาสะภา
๑๕.อิจเจวะ มันโต สุสุตตะโต สุรักโข
ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว
ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโค
สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย
สัทธัมมานุภาเวนะปาลิโต จะระมิ ชินะปัญชะเรติฯ
๑.พระพุทธเจ้า และพระนราสภาทั้งหลายผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์ ทรงพิชิตพระยามาราธิราชผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว เสวยอมตรสคือ อริยะสัจธรรมทั้งสี่ประการ เป็นผู้นำสรรพสัตว์ ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์
๒.มี ๒๘ พระองค์ คือ พระผู้ทรงพระนามว่า ตัณหังกร เป็นอาทิ พระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น
๓.ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศรีษะ พระธรรม อยู่ที่ดวงตาทั้งสอง พระสงฆ์ ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก
๔.พระอนุรุทธะ อยู่ที่ใจ พระสารีบุตร อยู่เบื้องขวา พระโมคคัลลาน์ อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณฑัญญะ อยู่เบื้องหลัง
๕.พระอานนท์ กับ พระราหุล อยู่หูขวา พระกัสสะปะ กับ พระมหานามะ อยู่ที่หูซ้าย
๖.มุนีผู้ประเสริฐ คือ พระโสภิตะ ผู้สมบูรณ์ ด้วยสิริดังพระอาทิตย์ส่องแสงอยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
๗.พระเถระกุมาระกัสสะปะ ผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ
๘.พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และ พระสีวะลี พระเถระทั้ง 5 นี้ จงปรากฏเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก
๙.ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือ ผู้มีชัยและเป็นพระโอรสเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วนรุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีล ให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่
๑๐.พระรัตนสูตร อยู่เบื้องหน้า พระเมตตสูตร อยู่เบื้องขวา พระอังคุลีมาลปริตร อยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตร อยู่เบื้องหลัง
๑๑.พระขันธปริตร พระโมรปริตร และ พระอาฏานาฏิยสูตร เป็นเครื่องกางกั้น ดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ
๑๒.อนึ่งพระชินเจ้าทั้งหลายนอกที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิด มีศีลาทิคุณอันมั่นคง คือ สัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น
๑๓.ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้า ไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อมแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายใน อันเกิดแต่โรคร้าย คือโรคลมและโรคดี เป็นต้น เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ
๑๔.ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้นท่ามกลางพระชินบัญชร ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดี ฉะนี้แล
๑๕.ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติ และรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ.
ผู้ใดได้สวดพระคาถาพลังจักรวาลชินบัญชรอยู่เสมอเป็นประจำ จะเจริญด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ปราศจากภัยอันตรายทั้งปวง
พระคาถาพลังจักรวาลได้รวมเอาพลังของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตสาวกที่ทรงพลานุภาพ พลังปาฏิหาริย์แห่งอภิญญาทั้งหลายที่พระองค์เหล่านั้นได้สำเร็จมีขึ้นในขณะปฏิบัติธรรม บำเพ็ญธรรมเพื่อการหลุดออกจากสนามพลังของโลกโลกีย์ มายาแห่งวัตถุนี้ได้ และพลานุภาพนั้นจะเกาะกุมอยู่ในทิพย์ญาณของพระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นทุกพระองค์ และพลังเมตตาอันมหาศาลที่มีอยู่ในทิพย์ญาณเหล่านั้น แม้พระองค์ทั้งหลายเหล่านั้น จะสถิตอยู่ ณ ที่ใดในสากลจักรวาลนี้ เมื่อพลังสั่นสะเทือนอันเกิดจากจิตที่ตั้งมั่นสวดภาวนาของผู้ใดก็แล้วแต่ จะกระเทือนถึงทันที และพระเมตตามหาศาลนั้น จะปล่อยพลังอันไม่สิ้นสุดมาที่ผู้สวดมนต์นี้ เป็นกระแสพลังงานอันมหาศาล ถ้าผู้สวดพระคาถานี้ กำหนดจิตไปยังวัตถุใด พลังงานก็จะแผ่ไปสถิตในวัตถุนั้นทันทีอย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ การสวดมนต์พระคาถาพลังจักรวาล จึงใช้เสกทำน้ำมนต์รดแก่สิ่งใดๆ ก็แก้ไขให้พลังงานลบที่เกาะอยู่ที่วัตถุนั้นกระเด็นหลุดออกไปในทันที ค้าขายก็ดี เจ็บไข้ก็หาย และ ฯลฯ ก่อเกิดสวัสดิมงคลแก่ครอบครัวและตัวผู้สวด พลานิสงส์อันยิ่งใหญ่มี ดังต่อไปนี้
๑.ผู้ถูกคุณไสยหรือการกระทำด้วยมนต์คาถาจากทิศใดๆ สวดพระคาถาชินบัญชรด้วยสมาธิจิต จะคลี่คลายสิ่งเลวร้ายในเวลาอันรวดเร็ว
๒.เจ็บไข้ไม่สบาย เพราะเกิดจากพลังลบภายนอกอันมาจากพลังแค้นของเจ้ากรรมนายเวรมาเกาะจิตเรา ตอนเราจิตตก หรือคิดสับสนวุ่นวาย พลังจิตอ่อน จะโยงใยไปถึงพลังกาย ทำให้พลังต้านทานของร่างกายลดลงตาม เป็นเหตุให้เจ็บไข้ ภาวนาพระคาถานี้ด้วยจิตที่เป็นสมาธิ จะเกิดพลังดันให้พลังลบจากเจ้ากรรมนายเวรหลุดออกจากจิตเรา ตัวเบาสบาย หายป่วยไข้ได้
๓.การประกอบอาชีพต่างๆ ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นค้าขาย รับจ้าง ทำสวนไร่นา ที่เกิดปัญหา ไม่เกิดผลเท่าที่ควร ค้าขายซบเซารุนแรง ใช้จิตที่เป็นสมาธิ สวดพระคาถาชินบัญชรหลายๆจบทำน้ำมนต์ไปราดรด ทำให้กิจการทั้งหลาย ผ่านพ้นภาวะวิกฤตได้
๔.วิบากกรรมที่ซ้ำซัดอยู่ตลอดเวลา ทำให้ชีวิตมีปัญหาใดๆ ภาวนาพระคาถานี้ด้วยใจศรัทธา จะช่วยลดวิบากกรรม มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นในชีวิต
๕.นั่งรถลงเรือไปเหนือล่องใต้ ในทุกอิริยาบถ ยืนเดินนั่งนอน ภาวนาพระคาถาพลังจักรวาลชินบัญชร ตลอดด้วยใจศรัทธา และจิตเป็นสมาธิ ย่อมแคล้วคลาดภยันตรายในการเดินทาง
๖.แม้ผู้อื่นเจ็บไข้ หรือเกิดเหตุเภทภัยจากเวรกรรม ก็ภาวนาพระคาถานี้ช่วยได้
๗.สถานที่ใดที่เกิดมลภาวะทางพลังงาน มีเจ้ากรรมนายเวรหนาแน่น สวดพระคาถาพลังจักรวาลชินบัญชรพร้อมๆกันด้วยใจศรัทธา มีสมาธิแน่วแน่ และให้เกิดพลังจากการสวด มีใจเดียวกัน พร้อมกับกำหนดให้เกิดความร้อนผลักดันพลังกรรมนั้นให้หลุดออกไปได้ ปริมณฑลพื้นที่นั้นโปร่งใส เบาสบาย ผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้น ร่างกายจะเบาสบายไม่อึดอัดขัดข้อง มีความสุขยิ่งขึ้น
๘.เด็กนักเรียน นักศึกษาสวดพระคาถาชินบัญชรเป็นประจำ ความจำจะดี เรียนหนังสือเก่ง
๙.ฝัน หรือเห็นสิ่ง หรือที่เป็นลางร้ายใดๆ สวดภาวนาคาถานี้ด้วยสมาธิจิตประจำวันละ ๙ จบ สิ่งเหล่านั้นจะไม่ปรากฏอีกต่อไป.
๑๐.สวดพระคาถานี้กำหนดเป็นพลังเย็นแก่ผู้วายชนม์ ในงานศพใดๆ จิตญาณของผู้นั้นจะได้รับความชุ่มฉ่ำ เย็นสบายจากพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่โปรยปรายลงมา พลังแสงแห่งบุญ จะแทรกซึมเข้าสู่ดวงญาณนั้นๆ และขจัดความทุกข์เจ็บปวด ทำให้เบาสบาย ญาณมีแสงเพิ่มขึ้น คือบุญเกิดมีแก่ญาณที่รับพลังงานจากการสวดมนต์พระคาถาในงานศพนั้น ไปสู่ปรภพในที่สบายกว่า ผู้อยู่ข้างหลังจะได้คลายความห่วงใย.
|
|
|